Structured Data สำหรับบทความ (Article, NewsArticle, BlogPosting)

การเพิ่ม Structured Data Article ไปยังหน้าข่าว บล็อก และบทความกีฬาจะช่วยให้ Google เข้าใจหน้าเว็บมากขึ้นและแสดงข้อความชื่อ รูปภาพ และข้อมูลวันที่ สําหรับบทความได้ดีขึ้นในผลการค้นหาบน Google Search และพร็อพเพอร์ตี้อื่นๆ (เช่น Google News และ Google Assistant) แม้จะไม่มีข้อกําหนดของมาร์กอัปเพื่อให้มีสิทธิ์ใช้ฟีเจอร์ของ Google News เช่น เรื่องเด่น แต่คุณสามารถเพิ่ม Article เพื่อบอก Google อย่างชัดแจ้งว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวกับอะไร (เช่น เป็นบทความข่าว ผู้เขียนเป็นใคร หรือชื่อของบทความ)

ผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียของบทความ

ตัวอย่าง

นี่คือตัวอย่างของหน้าซึ่งมี Structured Data Article

JSON-LD


<html>
  <head>
    <title>Title of a News Article</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "NewsArticle",
      "headline": "Title of a News Article",
      "image": [
        "https://example.com/photos/1x1/photo.jpg",
        "https://example.com/photos/4x3/photo.jpg",
        "https://example.com/photos/16x9/photo.jpg"
       ],
      "datePublished": "2024-01-05T08:00:00+08:00",
      "dateModified": "2024-02-05T09:20:00+08:00",
      "author": [{
          "@type": "Person",
          "name": "Jane Doe",
          "url": "https://example.com/profile/janedoe123"
        },{
          "@type": "Person",
          "name": "John Doe",
          "url": "https://example.com/profile/johndoe123"
      }]
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>

Microdata


<html>
  <head>
    <title>Title of a News Article</title>
  </head>
  <body>
    <div itemscope itemtype="https://schema.org/NewsArticle">
      <div itemprop="headline">Title of News Article</div>
      <meta itemprop="image" content="https://example.com/photos/1x1/photo.jpg" />
      <meta itemprop="image" content="https://example.com/photos/4x3/photo.jpg" />
      <img itemprop="image" src="https://example.com/photos/16x9/photo.jpg" />
      <div>
        <span itemprop="datePublished" content="2024-01-05T08:00:00+08:00">
          January 5, 2024 at 8:00am
        </span>
        (last modified
        <span itemprop="dateModified" content="2024-02-05T09:20:00+08:00">
          February 5, 2024 at 9:20am
        </span>
        )
      </div>
      <div>
        by
        <span itemprop="author" itemscope itemtype="https://schema.org/Person">
          <a itemprop="url" href="https://example.com/profile/janedoe123">
            <span itemprop="name">Jane Doe</span>
          </a>
        </span>
        and
        <span itemprop="author" itemscope itemtype="https://schema.org/Person">
          <a itemprop="url" href="https://example.com/profile/johndoe123">
            <span itemprop="name">John Doe</span>
          </a>
        </span>
      </div>
    </div>
  </body>
</html>

วิธีเพิ่ม Structured Data

ข้อมูลที่มีโครงสร้างคือรูปแบบมาตรฐานในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหน้าและจำแนกประเภทเนื้อหาของหน้า หากคุณเพิ่งใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเป็นครั้งแรก โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของข้อมูลที่มีโครงสร้าง

ต่อไปนี้เป็นภาพรวมเกี่ยวกับวิธีสร้าง ทดสอบ และเผยแพร่ข้อมูลที่มีโครงสร้าง

  1. เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บของคุณให้มากที่สุด ไม่มีพร็อพเพอร์ตี้ที่จําเป็น แต่ให้เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่ใช้กับเนื้อหาของคุณแทน ดูตำแหน่งการแทรก Structured Data ในหน้าเว็บตามรูปแบบที่คุณใช้อยู่
  2. ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
  3. ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดโดยใช้การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย และแก้ไขข้อผิดพลาดที่สําคัญทั้งหมด พิจารณาแก้ไขปัญหาที่ไม่สําคัญซึ่งอาจมีการรายงานในเครื่องมือด้วย เพราะอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Structured Data ได้ (แต่ไม่จําเป็นว่าต้องมีสิทธิ์ปรากฏในผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย)
  4. ทำให้หน้าบางหน้าที่มีข้อมูลที่มีโครงสร้างใช้งานได้และใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อทดสอบว่า Google เห็นหน้าในลักษณะใด ตรวจสอบว่า Google เข้าถึงหน้าดังกล่าวได้และไม่มีการบล็อกหน้าด้วยไฟล์ robots.txt, แท็ก noindex หรือข้อกำหนดให้เข้าสู่ระบบ หากหน้าเว็บดูถูกต้องดีแล้ว คุณขอให้ Google ทำการ Crawl URL ��ีกครั้งได้
  5. หากต้องการให้ Google ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ตลอด เราขอแนะนำให้ส่ง Sitemap ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการแบบอัตโนมัติได้โดยใช้ Search Console Sitemap API

หลักเกณฑ์

คุณต้องทำตามหลักเกณฑ์เหล่านี้เพื่อให้ Structured Data มีสิทธิ์รวมในผลการค้นหาของ Google Search

หลักเกณฑ์ทางเทคนิค

  • สำหรับบทความที่มีหลายส่วน ให้ตรวจสอบว่า rel=canonical ชี้ไปยังหน้าเดี่ยวหรือหน้า "ดูทั้งหมด" (และไม่ได้ชี้ไปที่หน้าที่ 1 ของชุดที่มีหลายส่วน) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดหน้า Canonical
  • หากคุณให้สิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาเว็บไซต์ตามการสมัครใช้บริการ หรือผู้ใช้ต้องลงทะเบียนจึงจะมีสิทธิ์เข้าถึง ให้พิจารณาเพิ่ม Structured Data สำหรับเนื้อหาตามการสมัครใช้บริการและเนื้อหาเพย์วอลล์

คำจำกัดความของประเภท Structured Data

��ะ�������������พเพอร์ตี้แนะนําที่ใช้กับหน้าเว็บของคุณให้มากที่สุดเพื่อช่วยให้ Google เข้าใจหน้าเว็บได้ดีขึ้น ไม่มีพร็อพเพอร์ตี้ที่จําเป็น แต่ให้เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่ใช้กับเนื้อหาของคุณแทน

ออบเจ็กต์ Article

ออบเจ็กต์บทความต้องอิงตามประเภทของ schema.org อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งได้แก่ Article, NewsArticle และ BlogPosting

พร็อพเพอร์ตี้ที่ Google รองรับมีดังต่อไปนี้

พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำ
author

Person หรือ Organization

ผู้เขียนบทความ โปรดทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนําเกี่ยวกับมาร์กอัปผู้เขียนเพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเกี่ยวกับผู้เขียนในฟีเจอร์ต่างๆ ได้ดีที่สุด

author.name

Text

ชื่อผู้เขียน

author.url

URL

ลิงก์ไปยังหน้าเว็บที่ระบุผู้เขียนบทความไว้อย่างไม่ซ้ำกัน เช่น หน้าโซเชียลมีเดียของผู้เขียน หน้า "เกี่ยวกับฉัน" หรือหน้าประวัติ

หาก URL เป็นหน้าโปรไฟล์ภายใน เราขอแนะนำให้มาร์กอัปผู้เขียนรายนั้นโดยใช้ Structured Data สำหรับหน้าโปรไฟล์

dateModified

DateTime

วันที่และเวลาแก้ไขบทความล่าสุด ในรูปแบบ ISO 8601 เราขอแนะนำให้คุณระบุข้อมูลเขตเวลา ไม่เช่นนั้น เราจะใช้เขตเวลาที่ Googlebot ใช้เป็นค่าเริ่มต้น

เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ dateModified หากคุณต้องการให้ข้อมูลวันที่ที่แม่นยำยิ่งขึ้นแก่ Google การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียไม่แสดงคำเตือนสำหรับพร็อพเพอร์ตี้นี้ เนื่องจากระบบจะแนะนำก็ต่อเมื่อคุณกำหนดว่าพร็อพเพอร์ตี้นี้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น

datePublished

DateTime

วันที่และเวลาเผยแพร่บทความนี้เป็นครั้งแรก ใน รูปแบบ ISO 8601 เราขอแนะนำให้คุณระบุข้อมูลเขตเวลา ไม่เช่นนั้น เราจะใช้เขตเวลาที่ Googlebot ใช้เป็นค่าเริ่มต้น

เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ datePublished หากคุณต้องการให้ข้อมูลวันที่ที่แม่นยำยิ่งขึ้นแก่ Google การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียไม่แสดงคำเตือนสำหรับพร็อพเพอร์ตี้นี้ เนื่องจากระบบจะแนะนำก็ต่อเมื่อคุณกำหนดว่าพร็อพเพอร์ตี้นี้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น

headline

Text

ชื่อเรื่องของบทความ ใช้ชื่อที่สั้นกระชับเพราะชื่อที่ยาวอาจถูกตัดให้สั้นลงในอุปกรณ์บางประเภท

image

ImageObject หรือ URL ที่ซ้ำ

URL ไปยังรูปภาพที่เป็นตัวแทนของบทความ ใช้รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับบทความแทนโลโก้หรือคําบรรยายวิดีโอ

หลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปภาพมีดังนี้

  • URL รูปภาพต้องรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีได้ หากต้องการตรวจสอบว่า Google เข้าถึง URL ได้หรือไม่ ให้ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL
  • รูปภาพต้องแสดงถึงเนื้อหาที่มาร์กอัป
  • รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบไฟล์ที่ Google รูปภาพรองรับ
  • เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราขอแนะนำให้ใช้รูปภาพความละเอียดสูงหลายภาพ (อย่างน้อย 50,000 พิกเซลเมื่อคำนวณจากความกว้างคูณความสูง) และมีสัดส่วนภาพเป็น 16x9, 4x3 หรือ 1x1

เช่น

"image": [
  "https://example.com/photos/1x1/photo.jpg",
  "https://example.com/photos/4x3/photo.jpg",
  "https://example.com/photos/16x9/photo.jpg"
]

แนวทางปฏิบัติแนะนําสําหรับมาร์กอัปผู้เขียน

เราขอแนะนําให้ทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนําต่อไปนี้เมื่อระบุผู้เขียนในมาร์กอัป เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจและแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนเนื้อหาได้ดีที่สุด

แนวทางปฏิบัติแนะนําสําหรับมาร์กอัปผู้เขียน

ใส่ผู้เขียนทั้งหมดในมาร์กอัป

ตรวจสอบว่าผู้เขียนทั้งหมดที่เ��็นผู้เขียนในหน้าเว็บมีชื่ออยู่ในมาร์กอัปด้วยเช่นกัน

การระบุผู้เขียนหลายคน

เมื่อระบุผู้เขียนหลายคน ให้ระบุผู้เขียนแต่ละรายในช่อง author ของผู้เขียนนั้นๆ

"author": [
  {"name": "Willow Lane"},
  {"name": "Regula Felix"}
]

อย่าใส่ผู้เขียนหลายคนในช่อง author เดียวกัน

"author": {
  "name": "Willow Lane, Regula Felix"
}

ใช้ช่องเพิ่มเติม

เราขอแนะนําอย่างยิ่งให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ type และ url (หรือ sameAs) เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเกี่ยวกับผู้เขียนมากขึ้น ใช้ URL ที่ถูกต้องสําหรับพร็อพเพอร์ตี้ url หรือ sameAs

ตัวอย่างเช่น หากผู้เขียนเป็นบุคคลหนึ่ง คุณสามารถลิงก์ไปยังหน้าของผู้เขียนที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียนได้ดังนี้

"author": [
  {
    "@type": "Person",
    "name": "Willow Lane",
    "url": "https://www.example.com/staff/willow_lane"
  }
]

หากผู้เขียนเป็นองค์กร คุณสามารถลิงก์ไปยังหน้าแรกขององค์กร

"author":
  [
    {
      "@type":"Organization",
      "name": "Some News Agency",
      "url": "https://www.example.com/"
  }
]

ระบุเฉพาะชื่อผู้เขียนในพร็อพเพอร์ตี้ author.name

ในพร็อพเพอร์ตี้ author.name ให้ระบุชื่อผู้เขียนเท่านั้น อย่าใส่ข้อมูลอื่นใด กล่าวคือ อย่าใส่ข้อมูลต่อไปนี้

  • ชื่อผู้เผยแพร่เนื้อหา ให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ publisher แทน
  • ตําแหน่งงานของผู้เขียน ให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ที่เหมาะสมแทนหากต้องการระบุข้อมูลดังกล่าว (jobTitle)
  • คํานําหน้าหรือคําต่อท้ายที่ถูกต้อง ให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ที่เหมาะสมแทนหากต้องการระบุข้อมูลดังกล่าว (honorificPrefix หรือ honorificSuffix)
  • คำเกริ่นนำ (เช่น อย่าใส่คำอย่าง "โพสต์โดย")
"author":
  [
    {
      "@type": "Person",
      "name": "Echidna Jones",
      "honorificPrefix": "Dr",
      "jobTitle": "Editor in Chief"
    }
  ],
"publisher":
  [
    {
      "@type": "Organization",
      "name": "Bugs Daily"
    }
  ]
}

ใช้ Type ที่เหมาะสม

ใช้ประเภท Person กับบุคคล และใช้ประเภท Organization กับองค์กร อย่าใช้ประเภท Thing และอย่าใช้ประเภทที่ไม่ถูกต้อง (เช่น ใช้ประเภท Organization กับบุคคล)

ตัวอย่างแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับมาร์กอัปผู้เขียนมีดังนี้

"author":
  [
    {
      "@type": "Person",
      "name": "Willow Lane",
      "jobTitle": "Journalist",
      "url": "https://www.example.com/staff/willow-lane"
    },
    {
      "@type": "Person",
      "name": "Echidna Jones",
      "jobTitle": "Editor in Chief",
      "url": "https://www.example.com/staff/echidna-jones"
    }
  ],
"publisher":
  {
    "@type": "Organization",
    "name": "The Daily Bug",
    "url": "https://www.example.com"
  },
  // + Other fields related to the article...
}

การแก้ปัญหา

หากประสบปัญหาในการใช้หรือแก้ไขข้อบกพร่องของ Structured Data โปรดดูแหล่งข้อมูลต่อไปนี้ซึ่งอาจช่วยคุณได้